6 การโจมตีทาง Cyber ที่ธนาคารต้องป้องกัน

Monday, April 8, 2024
1-6-การโจมตทางไซเบอรทธนาคารตองปองกน_1040.jpg
 
 

         การโจมตีทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามที่รุนแรงและไม่คาดคิดในโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วในสมัยปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคการเงินซึ่งเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจของผู้ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการข้อมูลและเงินทอง ทางธนาคารต้องมีการป้องกันอย่างเข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้า และระบบของตนเอง
 
 

รูปแบบการโจมตีที่สถาบันการเงินอย่างธนาคารสามารถพบเจอได้ มีดังต่อไปนี้

 
1-01.jpg


 
  1. การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) การโจมตีแบบ DDoS มุ่งไปที่การก่อให้เกิดการระบาดของการใช้งานในเครือข่ายซึ่งทำให้บริการของธนาคารไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้ โดยอาจจะทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินออนไลน์หรือเว็บไซต์ของธนาคารได้เลย โดยมักใช้วิธีการดังนี้
1.1 การโจมตีด้วยการส่งการร้องขอมากมาย (Request Flood) ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจจะส่งการร้องขอหรือคำขอบริการมากมายไปยังเซิร์ฟเวอร์ของธนาคาร โดยทำให้เซิร์ฟเวอร์มีการเต็มที่และไม่สามารถรับส่งข้อมูลกับผู้ใช้งานได้อย่างปกติ

1.2 การโจมตีด้วยการเลียนแบบการเชื่อมต่อ (Connection Flood) การโจมตีแบบนี้มุ่งหน้าที่การสร้างการเชื่อมต่อมากมายไปยังเซิร์ฟเวอร์ของธนาคาร โดยทำให้เซิร์ฟเวอร์มีการใช้ทรัพยากรเครือข่ายหรือแรงงานมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถให้บริการแก่ผู้ใช้งานได้อย่างถูกต้อง

1.3 การโจมตีด้วยการเลียนแบบช่องโหว่ (Vulnerability Exploitation) การโจมตีแบบนี้ใช้ช่องโหว่ในระบบเพื่อโจมตีธนาคาร โดยการใช้เทคนิคการโจมตีอันตรายเช่น การส่งข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือการทำให้ระบบขัดข้อง

1.4 การโจมตีแบบแปรผัน (Amplification Attack) การโจมตีแบบนี้ใช้การเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้มีการส่งข้อมูลกลับมาให้ผู้เรียกใช้มากขึ้น ทำให้เซิร์ฟเวอร์มีการใช้ทรัพยากรมากขึ้นและไม่สามารถให้บริการได้อย่างถูกต้อง

          การป้องกันการโจมตีแบบ DDoS ที่ธนาคารสามารถทำได้รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง เช่น การใช้ระบบป้องกัน DDoS ที่มีการตั้งค่าและปรับแต่งอย่างถูกต้อง การใช้ CDN (Content Delivery Network) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และการดำเนินการแก้ไขช่องโหว่ที่เป็นไปได้ในระบบของธนาคาร
 
  1. การโจมตีทางเทคนิค (Technical Attacks) การโจมตีแบบนี้อาจเป็นการโจมตีที่เป็นเชิงเทคนิค เช่น การเจาะระบบ (Penetration Testing) เพื่อค้นหาช่องโหว่ในระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคาร หรือการโจมตีผ่านทางช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่ในธนาคาร โดยมักจะเป็นการโจมตีที่เน้นการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
2.1การเจาะระบบ (Penetration Testing) ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจพยายามเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ซึ่งอาจใช้ช่องโหว่ในระบบหรือซอฟต์แวร์ที่มีช่องโหว่เพื่อเข้าถึงระบบได้

2.2การโจมตีด้วยซอฟต์แวร์ที่เสี่ยง (Exploiting Vulnerable Software): การโจมตีแบบนี้ใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบของธนาคาร เช่น ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์เซิร์ฟเวอร์ หรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่ในธนาคาร

2.3การโจมตีด้วยการยิงช่องโหว่ (Exploiting Vulnerabilities): ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจใช้ช่องโหว่ในระบบหรือซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้รับการป้องกันอย่างเพียงพอเพื่อทำลายระบบหรือเข้าถึงข้อมูล

2.4การโจมตีด้วยซอฟต์แวร์ที่ไม่เชื่อถือได้ (Malware Attacks): การโจมตีนี้เป็นการลักลอบติดตั้งซอฟต์แวร์อันตรายในระบบของธนาคารเพื่อใช้ในการเข้าถึงข้อมูลหรือก่อความเสียหาย

2.5การโจมตีด้วยการแฮกเซสชัน (Session Hijacking): ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจพยายามที่จะขโมยหรือแทรกแฮกเซสชันการเชื่อมต่อที่มีอยู่ระหว่างผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ของธนาคาร เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ส่งผ่านระหว่างกัน

การป้องกันการโจมตีทางเทคนิคที่เป็นไปได้ต่อธนาคารมักจะปฏิบัติดังนี้

 
  • การใช้เทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง เช่น ระบบการตรวจสอบตัวตนสองชั้น (Two-Factor Authentication) และการเข้ารหัสข้อมูล
  • การทำความเข้าใจและป้องกันช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น โดยการปรับปรุงระบบอย่างสม่ำเสมอ
  • การตรวจสอบและตรวจจับการโจมตีที่เป็นไปได้อย่างระบบต่อการเข้าถึงที่ไม่เป็นทางการและพยายามโจมตีที่เกิดขึ้น
  • การฝึกฝนพนักงานเพื่อเข้าใจและรับมือกับการโจมตีทางเทคนิคอย่างเหมาะสม


2-02.jpg
 
 
  1. การโจมตีเว็บไซต์เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เผยแพร่หน้าเว็บ (Defacement) เป็นรูปแบบหนึ่งของการโจมตีทางไซเบอร์ที่ธนาคารอาจพบเจอ การโจมตีนี้มุ่งหน้าที่การเข้าถึงและแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อแสดงข้อความหรือภาพที่ไม่เหมาะสม หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลเพื่อสร้างความสับสนหรือความไม่เชื่อถือในลูกค้าหรือผู้ใช้บริการได้ เช่น
3.1 การแสดงข้อความที่ไม่เหมาะสม โจมตีนี้อาจเป็นการแทรกข้อความหรือภาพที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมบนหน้าเว็บไซต์ของธนาคาร เช่น ข้อความลามก เหยียดสถาบัน หรือประกาศข้อมูลเท็จ

3.2 การเปลี่ยนแปลงข้อมูล โจมตีนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญหรือข้อมูลที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ เช่น ข้อมูลติดต่อ ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ หรือข้อมูลการทำธุรกรรม

3.3 การเปลี่ยนแปลงโลโก้หรือสัญลักษณ์ ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจทำการเปลี่ยนแปลงโลโก้หรือสัญลักษณ์ของธนาคารเพื่อสร้างความสับสนหรือความไม่เชื่อถือในสิ่งที่ถูกแสดงบนเว็บไซต์

3.4 การเปลี่ยนแปลงหน้าเว็บไซต์ โจมตีนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหรือโครงสร้างของหน้าเว็บไซต์ของธนาคาร ทำให้ผู้ใช้สับสนหรือไม่สามารถใช้งานได้อย่างปกติ


การป้องกันการโจมตีเว็บไซต์เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูล (Defacement) ที่ธนาคารอาจจะพบได้รวมถึงการใช้มาตรการที่มีเอกสารที่เชื่อถือได้และแนวทางปฏิบัติที่ดี เช่น
  • การปรับปรุงระบบความปลอดภัยของเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ
  • การตรวจสอบและป้องกันช่องโหว่ที่อาจมีอยู่ในระบบหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ในเว็บไซต์
  • การตรวจสอบและป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ถูกต้องหรือการแก้ไขข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • การสร้างการสำรองข้อมูล (Backup) ของเว็บไซต์อย่างเสม่ำเสมอ เพื่อใช้กลับคืนข้อมูลในกรณีที่เกิดการโจมตี
  • การตรวจสอบและตรวจจับการโจมตีโดยใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบความปลอดภัยเพื่อระบุการเข้าถึงที่ผิดกฎหมายและทำให้มีการแก้ไขอย่างรวดเร็ว
 
  1. การโจมตีทางวิศวกรรมสังคม(Social Engineering) เป็นวิธีการโจมตีทางไซเบอร์ที่ไม่ได้โจมตีโดยตรงที่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่เน้นการใช้เทคนิคจิตวิทยาและการโกหกเพื่อขอข้อมูลสำคัญหรือเข้าถึงระบบในฐานะผู้ใช้หรือเจ้าหน้าที่ ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่อาจมีความลับ เช่น รหัสผ่าน หรือข้อมูลบัตรเครดิต การโจมตีทางวิศวกรรมสังคมสามารถเกิดขึ้นได้กับธนาคารในลักษณะต่อไปนี้:
4.1 การโจมตีผ่านทางโทรศัพท์ (Vishing) โจมตีนี้เป็นการโทรหาเจ้าหน้าที่หรือลูกค้าของธนาคารแล้วใช้เทคนิคการโกหกเพื่อขอข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคารหรือรหัส OTP (One-Time Password) เพื่อทำการฉ้อโกงหรือการถอนเงินไม่ถูกต้อง

4.2 การโจมตีผ่านอีเมล (Phishing) โจมตีนี้เป็นการส่งอีเมลล์ปลอมเป็นจากธนาคารให้กับลูกค้า โดยเรียกใช้เทคนิคการโกหกเพื่อขอข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร รหัสผ่าน หรือข้อมูลบัตรเครดิต

4.3 การโจมตีผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Engineering) การโจมตีนี้มุ่งหน้าที่การโพสต์ข้อความหรือข้อมูลปลอมบนโซเชียลมีเดีย หรือการสร้างโพรไฟล์ปลอมเพื่อหลอกลวงลูกค้าหรือเจ้าหน้าที่ของธนาคาร

4.4 การโจมตีโดยการเข้าสังคม (In-person Social Engineering) การโจมตีนี้เกิดขึ้นโดยผู้ไม่ประสงค์ดีติดต่อกับเจ้าหน้าที่หรือลูกค้าของธนาคารโดยตรง แล้วใช้เทคนิคการโกหกเพื่อขอข้อมูลสำคัญหรือทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับกระบวนการหรือนโยบายของธนาคาร

4.5 การโจมตีผ่านทางสื่อสารอื่นๆ (Other Communication Channels) การโจมตีอาจเกิดขึ้นผ่านทางช่องทางอื่นๆ เช่น แอปพลิเคชันการสื่อสารทันตาม หรือการโทรศัพท์ที่ไม่ได้บอกชัดเจนถึงตัวตนของผู้โทรหา

การป้องกันการโจมตีทางวิศวกรรมสังคมที่เป็นไปได้ต่อธนาคารมักจะใช้วิธีการฝึกฝนพนักงานให้เข้าใจและระวังเรื่องการคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อให้พวกเขาสามารถระบุและป้องกันการโจมตีได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทคโนโลยีป้องกันการโจมตีและการให้ความรู้แก่ลูกค้าเพื่อเพิ่มความตระหนักในการป้องกันการโจมตีทางวิศวกรรมสังคมด้วย
3-03.jpg

  1. การโจมตีด้านการเงิน (Financial Attacks) การโจมตีนี้มุ่งหน้าที่การขโมยเงินโดยเข้าถึงระบบการเงินของธนาคาร ซึ่งอาจเป็นการโจมตีแบบ Malware หรือการโจมตีแบบฟิชชิ่ง เพื่อขโมยข้อมูลการเงินของลูกค้าหรือธนาคารเอง เป็นอันตรายมากต่อธนาคารเนื่องจากการโจมตีเหล่านี้มุ่งหมายที่จะขโมยเงินหรือข้อมูลทางการเงินของลูกค้าหรือของธนาคารเอง นี่คือบางรูปแบบของการโจมตีด้านการเงินที่ธนาคารอาจพบเจอ
5.1 การโจมตีด้วยการโจมตีข้อมูลบัตรเครดิต (Credit Card Fraud) การโจมตีนี้เป็นการใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตในการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การใช้หมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลต่าง ๆ ในการทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์

5.2 การโจมตีด้วยการโอนเงิน (Unauthorized Transfers) การโจมตีนี้เป็นการโอนเงินออกจากบัญชีของลูกค้าหรือของธนาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต โจมตีนี้สามารถเกิดขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์หรือทางออฟไลน์

5.3การโจมตีด้วยการปลอมแปลงตัวตน (Identity Theft) การโจมตีนี้เป็นการขโมยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเพื่อใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินโดยเสมือนเป็นตนของเหยื่อ ซึ่งอาจมีผลกระทบทางการเงินร้ายแรงต่อเหยื่อ

5.4 การโจมตีด้วยการขโมยรหัสผ่าน (Credential Theft) การโจมตีนี้เป็นการขโมยรหัสผ่านการเข้าสู่ระบบของลูกค้าหรือของธนาคาร โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การฟิชชิ่ง การแฮกเซสชัน หรือการใช้ Malware

5.5 การโจมตีด้วยการโกงหรือการลวงโจมตี (Social Engineering) การโจมตีนี้เป็นการใช้เทคนิคจิตวิทยาและการโกหกให้ผู้ใช้หรือเจ้าหน้าที่ธนาคารทำตามคำสั่งของผู้ไม่ประสงค์ดี ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายทางการเงินได้

การป้องกันการโจมตีด้านการเงินที่ธนาคารอาจเจอมีหลายวิธี เช่น การใช้เทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
 
  1. การโจมตีด้านความเป็นส่วนตัว (Privacy Attacks) การโจมตีนี้เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งอาจทำให้เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าหรือข้อมูลทางการเงินของธนาคาร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือของลูกค้าและธนาคารเอง รูปแบบของการโจมตีด้านความเป็นส่วนตัวที่ธนาคารอาจพบเจอได้รวมถึง
6.1 การรั่วไหลของข้อมูล (Data Breaches) การรั่วไหลของข้อมูลเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวที่รุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากการบุกรุกทางไซเบอร์หรือความไม่ระมัดระวังในการจัดเก็บและป้องกันข้อมูล ผลของการรั่วไหลข้อมูลสามารถทำให้ข้อมูลทางการเงินของลูกค้าถูกเปิดเผยและถูกนำไปใช้โดยไม่ถูกต้อง

6.2 การสร้างข้อมูลที่ปลอดภัย (Identity Theft) การโจมตีแบบนี้มุ่งหน้าที่การใช้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเพื่อปลอมแปลงตัวตนเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินหรือการสร้างบัญชีใหม่ในชื่อของเหยื่อ

6.3 การเจาะข้อมูลการทำธุรกรรม (Transaction Data Interception) การโจมตีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถเข้าถึงข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าหรือธนาคาร และสามารถจับกลุ่มข้อมูลที่สำคัญเพื่อใช้ในการปลอมแปลงหรือใช้ในวัตถุประสงค์ที่ไม่เชื่อถือได้

6.4 การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MITM) การโจมตี MITM เป็นการแทรกตัวระหว่างการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับธนาคาร ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการเงินถูกเหยื่อถูกดักรับหรือถูกเปลี่ยนแปลง

6.5 การเปิดเผยข้อมูลบัญชีผู้ใช้ (Account Information Disclosure) การโจมตีแบบนี้มุ่งหน้าที่การเข้าถึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การเจาะระบบหรือการโจมตี Phishing ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการเงินถูกเปิดเผย

การป้องกันการโจมตีด้านความเป็นส่วนตัวที่ธนาคารอาจเจอมีการดำเนินการป้องกันข้อมูลอย่างเข้มงวด การใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล การเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล และการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มความตระหนักในการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าและข้อมูลทางการเงินของธนาคารเอง





 


ติดต่อสอบถามขอรายละเอียดสินค้าที่ VSM365..
ศูนย์รวมซอฟต์แวร์ที่ได้รับการคัดสรรมาเพื่อธุรกิจและองค์กรของคุณ ได้ที่

Email: [email protected]
Line: http://line.me/ti/p/~@vsm365
Facebook: https://www.facebook.com/vsm365
Youtube: https://www.youtube.com/vsm365
ดูสินค้าเพิ่มเติม: www.vsm365.com/th/Store
ทดลองใช้โปรแกรม: www.vsm365.com/th/Contact
ขอใบเสนอราคา: www.vsm365.com/th/Contact
ติดต่อฝ่ายขาย: 064-992-5449 , 098-253-8222 , 095-536-5945
Tags:
 

แชร์บทความของเรา

VIEWS
2530

All

Lastest Article

148

บทความแนะนำ

Adobe Acrobat Standard DC for Teams Professional PDF Management for Business Teams

Adobe Acrobat Standard DC for Teams Professional PDF Management for Business Teams

148
Adobe Creative Cloud for Teams (All Apps) All the Creative Tools Your Team Needs in One Plan

Adobe Creative Cloud for Teams (All Apps) All the Creative Tools Your Team Needs in One Plan

254
Genuine Adobe Software for Teams from VSM365

Genuine Adobe Software for Teams from VSM365

349
5 AI Features in Adobe Photoshop That Speed Up Your Work in 2025

5 AI Features in Adobe Photoshop That Speed Up Your Work in 2025

396