5 การโจมตีทาง Cyber ที่อาจเกิดขึ้นได้กับโรงพยาบาล

Tuesday, April 9, 2024
2-5-การโจมตทางไซเบอรทอาจเกดในโรงพยาบาล_1040x1040.jpg


          โรงพยาบาลเป็นหน่วยงานที่มีข้อมูลและข้อมูลสำคัญที่มีความละเอียดและอาจเป็นเป้าหมายของการโจมตีและภัยคุกคามทางไซเบอร์ ต่อไปนี้คือบางตัวอย่างของภัยคุกคามที่สามารถเกิดขึ้นกับโรงพยาบาล
 
1.png


  1. การโจมตีอินเฟคชัน (Injection Attacks) โรงพยาบาลอาจเผชิญกับการโจมตีอินเฟคชัน เช่น SQL injection หรือการแอบเข้าถึงฐานข้อมูลผ่านการป้อนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในแอปพลิเคชันโรงพยาบาล ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลถูกขโมยหรือเข้าถึงได้โดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. การโจมตีไซเบอร์ที่เกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูล (Data Breaches) โรงพยาบาลมีข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วย ข้อมูลการวินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์ การโจมตีเช่นการแอบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวนี้สามารถทำให้ข้อมูลถูกขโมยและนำไปใช้ในวิธีที่ไม่เหมาะสม เช่น การปลอมแปลงบัตรประชาชนหรือการขโมยข้อมูลการเงิน
  3. การบุกรุกระบบ (System Intrusions) การโจมตีทางไซเบอร์อาจทำให้มีการบุกรุกระบบของโรงพยาบาล โดยการเข้าถึงระบบความปลอดภัยและระบบเครือข่าย ซึ่งอาจทำให้มีการยึดครองระบบหรือการระบาดของมัลแวร์ในโรงพยาบาล
  4. การปลอมแปลงตัวตน (Identity Theft) โรงพยาบาลมีข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยและพนักงานที่มีค่าสูง การโจมตีอาจทำให้มีการปลอมแปลงตัวตนและนำข้อมูลบุคคลอื่นมาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม
  5. การโจมตีร้ายแรง (Ransomware Attacks) โรงพยาบาลอาจเผชิญกับการโจมตีแบบแรงกดดัน (ransomware) ซึ่งอาจทำให้ระบบโรงพยาบาลถูกล็อคและข้อมูลถูกเข้ารหัส ซึ่งผู้โจมตีจะขอเงินค่าไถ่เพื่อให้ปลดล็อคระบบ
การป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ในโรงพยาบาลมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้รับบริการทางการแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล



          Data breaches เป็นเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรงพยาบาล เนื่องจากโรงพยาบาลเก็บข้อมูลที่อาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการแพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ดังนั้นการที่ข้อมูลเหล่านี้ถูกขโมยหรือเข้าถึงโดยไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อความเชื่อถือของโรงพยาบาลและความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ เช่น:
  1. การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล: ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์อาจถูกขโมย ซึ่งอาจรวมถึงชื่อเต็ม ที่อยู่ หมายเลขประจำตัวประชาชน ข้อมูลการเงิน ข้อมูลการรักษาทางการแพทย์ และข้อมูลทางเภสัชกรรม
  2. การแอบดักรับ (Espionage) ผู้ไม่หวังดีอาจพยายามเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ทางค้าขายหรือการแอบดักรับข้อมูลสถานะสุขภาพของบุคคลหรือองค์กร
  3. การขายข้อมูล ข้อมูลทางการแพทย์อาจถูกขโมยแล้วถูกขายให้กับบุคคลที่ไม่หวังดีหรือผู้ที่สนใจในข้อมูลนี้ เช่น การขายข้อมูลบุคคลสำหรับการโฆษณาเป้าหมาย หรือการใช้ข้อมูลสำหรับการฉ้อโกง
  4. การโจมตีแบบ Ransomware โรงพยาบาลอาจเป็นเป้าหมายของการโจมตีแบบ Ransomware ซึ่งผู้โจมตีจะเข้าถึงระบบแล้วทำการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมด และขอค่าไถ่เพื่อให้ปลดล็อคข้อมูล
  5. การขาดทุนทางบริการ เมื่อข้อมูลถูกขโมยหรือรั่วไหลออกมา โรงพยาบาลอาจต้องเผชิญกับการขาดทุนทางบริการ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการให้บริการและภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลได้
  6. การรั่วไหลข้อมูลทางการวิจัย ข้อมูลทางการแพทย์ที่เก็บไว้ในโรงพยาบาลอาจเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับการวิจัยทางการแพทย์ การรั่วไหลข้อมูลนี้อาจส่งผลกระทบต่อการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ในอนาคต
การป้องกันการรั่วไหลข้อมูลในโรงพยาบาลมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยการใช้มาตรการความปลอดภัยทางเทคนิค เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล และการสร้างการสร้างเทคโนโลยีที่มั่นคง และการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และการปฏิบัติตามนโยบายความปลอดภัยข้อมูล


การบุกรุกระบบ (System Intrusions) เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายของโรงพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมักจะมีวัตถุประสงค์ในการขโมยข้อมูล ทำลายระบบ หรือกระทำการอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อการให้บริการและความปลอดภัยของโรงพยาบาล ต่อไปนี้คือตัวอย่างของเหตุการณ์การบุกรุกระบบที่อาจเกิดขึ้นกับโรงพยาบาล:
  1. การโจมตีด้วยมัลแวร์ (Malware Attacks) ผู้ไม่หวังดีอาจใช้มัลแวร์เพื่อเข้าถึงระบบของโรงพยาบาล ซึ่งอาจทำให้มีการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือการเข้าถึงและควบคุมระบบโรงพยาบาลได้
  2. การโจมตีด้วยการเข้ารหัส (Brute Force Attacks) ผู้ไม่หวังดีอาจใช้การโจมตีด้วยการเข้ารหัสเพื่อพยายามเดารหัสผ่านหรือข้อมูลประจำตัวเพื่อเข้าถึงระบบโรงพยาบาล
  3. การโจมตีเน็ตเวิร์ก (Network Attacks) การโจมตีเน็ตเวิร์กเป็นการโจมตีที่เกิดขึ้นในระบบเครือข่ายของโรงพยาบาล ซึ่งอาจเป็นการโจมตีด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่ายหรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย
  4. การโจมตีด้วยการเสียการทำงาน (Denial of Service, DoS) การโจมตีด้วยการเสียการทำงานเป็นการโจมตีที่ผู้ไม่หวังดีพยายามทำให้ระบบโรงพยาบาลหรือบริการในเครือข่ายเสียหาย โดยการโจมตีเบิกเซิลเป็นอย่างไรก็ตาม เช่นการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันหรือการส่งข้อมูลที่มีขนาดใหญ่เพื่อทำให้ทรัพยากรไม่พร้อมใช้งาน
  5. การโจมตีด้วยความเสี่ยงในระบบ (Zero-Day Exploits) การโจมตีด้วยความเสี่ยงในระบบเกิดขึ้นเมื่อผู้ไม่หวังดีใช้ช่องโหว่ที่ไม่มีความรู้ล่วงหน้าในระบบเพื่อเข้าถึงและควบคุมระบบโรงพยาบาล
การป้องกันการบุกรุกระบบที่เกิดขึ้นกับโรงพยาบาลควรรวมการใช้มาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม เช่น การติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ การควบคุมการเข้าถึงระบบ การกำหนดนโยบายความปลอดภัยและการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์


Identity theft (การปลอมแปลงตัวตน) เป็นภัยคุกคามที่สามารถเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลได้ เนื่องจากโรงพยาบาลเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความละเอียดและมีค่าสำหรับการโจมตีต่อความปลอดภัยของบุคคล
ตัวอย่างของการโจมตีปลอมแปลงตัวตนที่เกิดขึ้นกับโรงพยาบาลได้แก่
  1. การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล: ผู้ไม่หวังดีอาจพยายามเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยหรือบุคลากรทางการแพทย์ เช่น ชื่อเต็ม, ที่อยู่, หมายเลขประจำตัวประชาชน, หมายเลขบัตรประชาชน, ข้อมูลการเงิน, และข้อมูลการรักษาทางการแพทย์
  2. การใช้ข้อมูลส่วนตัวในการทำธุรกรรมไม่ถูกต้อง ผู้ไม่หวังดีอาจใช้ข้อมูลที่ขโมยได้จากโรงพยาบาลในการทำธุรกรรมที่ไม่ถูกต้อง เช่น เปิดบัญชีธนาคาร, ทำสัญญา, หรือทำการสมัครบริการอื่นๆ โดยปลอมตัวตน
  3. การปลอมแปลงเอกสาร ผู้ไม่หวังดีอาจใช้ข้อมูลที่ขโมยได้เพื่อปลอมแปลงเอกสาร เช่น หลักฐานประกอบการสมัครสินเชื่อ, ใบแจ้งยอดบัญชี, หรือเอกสารการติดต่อโรงพยาบาล
  4. การใช้ข้อมูลส่วนตัวในการฉ้อโกง ผู้ไม่หวังดีอาจใช้ข้อมูลที่ขโมยได้ในการฉ้อโกง โดยเช่นการโกงผู้อื่นให้ให้เงินหรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ
การป้องกันการปลอมแปลงตัวตนในโรงพยาบาลเป็นสิ่งสำคัญ โดยการใช้มาตรการความปลอดภัยเทคนิค เช่น การเข้ารหัสข้อมูล, การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล, การตรวจสอบและระบุตัวตนของผู้ใช้, และการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และการปฏิบัติตามนโยบายความปลอดภัยของข้อมูล
 
2.png


          การโจมตีด้วย Ransomware เป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดทางไซเบอร์ที่โรงพยาบาลอาจเผชิญหน้าเป็นเวลาก็ได้ เนื่องจากข้อมูลที่อยู่ในระบบของโรงพยาบาลมักเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญอย่างมากและมีค่า การโจมตีด้วย Ransomware มักจะทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลถูกล็อค และข้อมูลถูกเข้ารหัสเพื่อขอเงินไถ่คืน ตัวอย่างของภัยคุกคามจาก Ransomware ที่โรงพยาบาลอาจเผชิญหน้าได้รวมถึง:
  1. การระบาดของ Malware โรงพยาบาลอาจถูกเผชิญกับการระบาดของ Malware ที่ถูกใส่โปรแกรม Ransomware โดยการเข้าระบบผ่านช่องโหว่ในระบบหรือผ่านการแพร่ระบาดผ่านอีเมลเสียงรูปแบบต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ข้อมูลสำคัญในโรงพยาบาลถูกเข้ารหัสและไม่สามารถเข้าถึงได้
  2. การเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ ผู้ไม่หวังดีที่มีการความรู้และทักษะทางเทคนิคสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ที่ถูกเข้ารหัสได้ ซึ่งอาจทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยขัดข้องและเสี่ยงต่อความปลอดภัยและความเชื่อถือของโรงพยาบาล
  3. ความเสี่ยงต่อชีวิตของผู้ป่วย หากข้อมูลการรักษาผู้ป่วยถูกเข้ารหัสด้วย Ransomware และไม่สามารถเข้าถึงได้ การดูแลรักษาและการรักษาผู้ป่วยอาจเสี่ยงต่อความเสียหายและความเสียหายต่อชีวิต
  4. ค่าใช้จ่าย: การจะได้กลับข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสโดย Ransomware มักต้องมีค่าใช้จ่ายมาก ซึ่งอาจทำให้โรงพยาบาลต้องจ่ายเงินไถ่หรือใช้ค่าใช้จ่ายในการกู้คืนข้อมูล
  5. ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ การโจมตีด้วย Ransomware อาจส่งผลให้โรงพยาบาลเสียหายทางภาพลักษณ์ โดยลูกค้าและผู้ป่วยอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในการปฏิบัติตาม
         การป้องกันการโจมตีด้วย Ransomware ควรรวมถึงการเข้ารหัสข้อมูลที่ดี, การสำรองข้อมูลเป็นระยะๆ, การประจาความตระหนักรู้ให้แก่พนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์, และการปฏิบัติตามนโยบายความปลอดภัยที่เข้มงวดในองค์กร


ติดต่อสอบถามขอรายละเอียดสินค้าที่ VSM365..
ศูนย์รวมซอฟต์แวร์ที่ได้รับการคัดสรรมาเพื่อธุรกิจและองค์กรของคุณ ได้ที่

Email: [email protected]
Line: http://line.me/ti/p/~@vsm365
Facebook: https://www.facebook.com/vsm365
Youtube: https://www.youtube.com/vsm365
ดูสินค้าเพิ่มเติม: www.vsm365.com/th/Store
ทดลองใช้โปรแกรม: www.vsm365.com/th/Contact
ขอใบเสนอราคา: www.vsm365.com/th/Contact
ติดต่อฝ่ายขาย: 064-992-5449 , 098-253-8222 , 095-536-5945
Tags:
 

แชร์บทความของเรา

VIEWS
2565

All

Lastest Article

148

บทความแนะนำ

Adobe Acrobat Standard DC for Teams Professional PDF Management for Business Teams

Adobe Acrobat Standard DC for Teams Professional PDF Management for Business Teams

148
Adobe Creative Cloud for Teams (All Apps) All the Creative Tools Your Team Needs in One Plan

Adobe Creative Cloud for Teams (All Apps) All the Creative Tools Your Team Needs in One Plan

254
Genuine Adobe Software for Teams from VSM365

Genuine Adobe Software for Teams from VSM365

349
5 AI Features in Adobe Photoshop That Speed Up Your Work in 2025

5 AI Features in Adobe Photoshop That Speed Up Your Work in 2025

396